SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization คือการทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลให้อยู่ในอันดับแรก ๆ ของผลการค้นหา วิธีการที่นิยมใช้กันก็คือ การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ตามหลักการของ Search Engine และการเขียนบทความที่เน้นผลการทำ SEO แต่ในการทำ SEO ที่มากจนเกินไป จะส่งผลในทางลบมากกว่าผลดี ซึ่งในที่นี้เราจะมาทำความเข้าใจกับลักษณะของ Over Optimization ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรระวังเมื่อต้องการทำ SEO
การใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความมากจนเกินไป
ในการทำ SEO ให้สามารถติดอันดับผลการค้นหาได้ดีนั้น การเขียนบทความโดยการแทรกคีย์เวิร์ดที่ต้องการลงไป เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลในระยะยาว แต่การใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความด้วยคำที่ซ้ำ ๆ กันเป็นจำนวนมาก จะทำให้ระบบมองว่านั่นเป็นการสแปมคีย์เวิร์ด หากเป็นเช่นนั้นแล้วบทความและเว็บไซต์ของเราจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง ดังนั้นการใช้บริการ รับเขียนบทความ SEO น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีความชำนาญในการทำ SEO เพราะการที่เราต้องการให้เนื้อหาของเว็บไซต์แสดงผลในอันดับดี ๆ ในหน้าการค้นหา การสแปมคีย์เวิร์ดจนกลายเป็น Over Optimization ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี
ให้ความสำคัญกับ Backlink มากเกินไปแต่ไร้คุณภาพ
Backlink คือสิ่งที่มีความจำเป็นในการสร้างเนื้อหาที่เน้นไปในทาง SEO การที่เว็บไซต์ของเรามีการทำ Backlink ไปมาระหว่างเว็บไซต์อื่น ๆ หรือไปยังส่วนอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ของเราเอง ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อระบบ Search Engine แต่การให้ความสนใจในเรื่องของการใส่ Backlink ที่มากจนเกินไป ไม่เพียงพอต่อการทำให้เว็บไซต์ของเรามีอันดับที่ดีในผลการค้นหา การนำลิงก์ของบทความเราไปใส่ตามเว็บบอร์ดหรือเว็บไซต์ภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา หรือร้ายแรงกว่านั้นคือการนำลิงก์ไปใส่ในเว็บไซต์ที่ Search Engine จับตามองว่าเป็นเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ จะกลายเป็นว่าระบบจะมองว่าเราทำการสแปมลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีคุณภาพ ด้วยเทคโลยีปัจจุบัน ระบบ Search Engine สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาที่มีคุณภาพเพียงพอต่อผู้ชมหรือไม่ ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาให้ดีเพียงพอ
ผลเสียของการทำบทความจนเกิดปัญหา Over Optimization
การเขียนบทความที่เข้าข่ายการปรับแต่งเพื่อ SEO ที่มากจนเกินไปจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีปัญหาในระบบ Search Engine การสแปมคีย์เวิร์ด การนำลิงก์ไปโปรโมทในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องหรือในเว็บไซต์ไม่เหมาะสม เว็บไซต์ของเราจะถูกลงโทษได้ หรือที่เรารู้จักกันว่า Google penalty ที่เป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
สาเหตุที่เว็บไซต์ของเราอาจจะโดนลงโทษจาก Google จนอาจทำให้เว็บไซต์อันดับตกลงไปจากการค้นหา หรือร้ายแรงจนกระทั่งไม่แสดงผลในการค้นหาเลย มีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- การสแปมคีย์เวิร์ด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ ในบทความในปริมาณที่มากจนเกินไป ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร จะทำให้เกิดเป็นลักษณะของการปรับแต่งเพื่อ SEO ที่มากจนเกินไป
- การสแปมลิงก์
หลักการทำ SEO วิธีหนึ่งก็คือการทำ Backlink ซึ่งการที่บทความหรือเว็บไซต์เรามี Backlink กลับเข้ามาจากเว็บไซต์อื่น ๆ เป็นจำนวนมากย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรต้องเป็นลิงก์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ การทำ SEO ที่หวังผลในการติดอันดับอย่างรวดเร็ว จนมีการสแปมลิงก์ หมายถึง เอาลิงก์ไปโปรโมทในเว็บไซต์ต่าง ๆ มากเกินไปหรือนำไปโปรโมทในเว็บไซต์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เรา เพื่อให้มีการ Backlink ย้อนกลับมามากจนเกินไปในระยะเวลาสั้น ๆ ที่เป็นการเพิ่มลิงก์ในปริมาณที่มากแต่ไร้คุณภาพ จะถูกระบบ Search Engine วิเคราะห์ว่าเราสแปมลิงก์ เพราะมันจะมีความไม่เป็นธรรมชาติในการทำ SEO ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการไต่อันดับ ซึ่งแตกต่างกับการซื้อโฆษณา การสแปมลิงก์ส่งผลนำไปสู่การถูกลดอันดับในการค้นหาหรือถูกปิดกั้นเว็บไซต์จากหน้าการค้นหา ซึ่งกว่าที่เราจะแก้ไขจนทำให้เว็บไซต์เรากลับมาทำอันดับได้อีกครั้งนั้นก็อาจจะใช้เวลานานหลายเดือน
ดังนั้นการเขียนบทความเพื่อการทำ SEO เราต้องทำเว็บไซต์หรือเขียนบทความให้มีคุณภาพ ซึ่งหากเราไม่มีความเชี่ยวชาญ ก็สามารถใช้บริการ รับเขียนบทความออนไลน์ จากเว็บไซต์มืออาชีพที่ รับเขียนบทความ SEO โดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพตรงตามหลักการทำ SEO