ในโลกยุคดิจิทัล สื่อออนไลน์เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานสังคมออนไลน์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว การสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาสักเว็บไซต์หนึ่ง สิ่งที่เราต้องการก็คือผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา แต่มันคงไม่ง่ายนักในเมื่อมีการแข่งขันในโลกออนไลน์ที่สูงมาก สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้คนค้นหาเว็บไซต์ของเราเจออย่างรวดเร็ว นั่นคือการใช้ บทความ เป็นเครื่องมือ หรือที่เรียกว่า “การทำ คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง” ที่จะช่วยให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะสร้างการรับรู้แบรนด์หรือเพิ่มปริมาณผู้เข้าชม และส่งเสริมการเติบโตของยอดขาย
บทความที่ดีช่วยในการทำ SEO อย่างไร ?
บทความที่ถูกเขียนขึ้นให้สอดคล้องกับหลักการของ SEO (Search Engine Optimization) หรือการเขียนบทความที่มีคีย์เวิร์ดเจาะจงและมีเนื้อหาตรงกับเรื่องที่ต้องการสื่อสาร จะทำให้บทความถูกจัดอันดับในการค้นหาได้ดี และช่วยให้ผู้คนค้นพบเว็บไซต์ของเราผ่าน search engine อย่าง Google ได้ก่อนเว็บไซต์คู่แข่ง
หากบทความเราสามารถทำอันดับจนติดหน้าแรกของผลการค้นหาใน Google จะทำให้มีคนเข้าถึงบทความของเรามากขึ้นและเพิ่มโอกาสเข้าถึงหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์มากขึ้นเช่นกัน การที่มีผู้เข้าชมมากขึ้นก็คือโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ บทความแบบ SEO จึงมีบทบาทสำคัญสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง
แต่การเขียนบทความที่เน้นการทำ SEO นั้น ผู้เขียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องของการใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาอย่างเหมาะสม และยังคงรักษาคุณภาพบทความให้น่าอ่านไว้ได้ด้วย โดยต้องตั้งเป้าหมายไว้ที่การติดอันดับหน้าแรกเสมอ ด้วยคีย์เวิร์ดที่ต้องการเน้น หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรเกินหน้าที่ 2 ของผลการค้นหา เพราะหากบทความของเราไม่สามารถทำอันดับได้ดี ก็จะทำให้การมองเห็นจากผู้ใช้งานน้อยลงตามไปด้วย
ถ้าหากสามารถเขียนบทความที่ทำอันดับผลการค้นหาได้ดี ก็เท่ากับว่าเราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อลงโฆษณากับ search engine เสมอไป จึงช่วยลดงบโฆษณาได้
ปัจจัยที่ต้องเน้น เมื่อจะทำบทความ SEO
1. ชื่อบทความต้องโดนใจ
ในการเริ่มเขียนบทความนั้น นอกจากต้องมีแนวทางของเนื้อหาว่าจะสื่อสารประเด็นใดให้ผู้อ่านแล้ว ชื่อเรื่องก็มีส่วนสำคัญทั้งต่อผู้อ่านและต่อ SEO นั่นก็คือ ต้องมีคีย์เวิร์ดในชื่อบทความเสมอ เพื่อให้ระบบของ search engine รู้ว่าบทความนี้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องใด อีกทั้งต้องวางประโยคด้วยคำที่โดดเด่นเพื่อให้ผู้ชมสนใจคลิกเข้ามาอ่านด้วย
2. เนื้อหาดีมีประโยชน์และเจาะจงประเด็นชัดเจน
แต่ละบทความควรมีแนวคิดรวบยอดเพียงหนึ่งเดียว แล้วเขียนมุ่งสู่ประเด็นนั้นเท่านั้น จะทำให้บทความมีทิศทางชัดเจนขึ้น เช่น โฟกัสเฉพาะการลงทุนด้วยวิธีการซื้อพันธบัตร อาจกล่าวถึงวิธีลงทุนแบบอื่นได้ แต่ไม่ได้เน้นมากเท่าเรื่องพันธบัตร หรือถ้าอธิบายเรื่องวิธีการลงทุนแบบต่าง ๆ 5 ประเภท โดยอธิบายแต่ละประเภทด้วยความยาวใกล้เคียงกัน ก็ต้องมีแนวคิดรวบยอดว่าหลังจากผู้อ่านอ่านจบแล้ว จะได้ความรู้อะไรนำไปใช้ได้
3. มีคีย์เวิร์ดที่เจาะจงในบทความ
เจ้าของธุรกิจต้องทราบหรือให้ผู้เชี่ยวชาญค้นหาว่าต้องการเน้นให้คนค้นหามาเจอบทความนี้ด้วยคีย์เวิร์ดอะไร ควรมีคีย์เวิร์ดที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ 1-2 คีย์เวิร์ด และสามารถมีคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่มีความสำคัญรองลงไปเพิ่มได้อีก 2-3 คีย์เวิร์ด โดยให้ใส่คีย์เวิร์ดหลักที่ต้องการลงในชื่อบทความ และส่วนของ Meta Description ซึ่งหากใช้ plugin SEO ในระบบ WordPress ก็จะมีช่องให้ใส่ข้อมูลดังกล่าวสำหรับแต่ละบทความได้ด้วย
4. การจัดลำดับและรูปแบบของเนื้อหา
การเขียนบทความ SEO นั้น อย่าลืมคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้อ่านด้วย ซึ่งระบบของ search engine ก็นำเกณฑ์เหล่านี้มาใช้วัดผลคะแนนด้าน SEO เช่นกัน เป็นค่า Engagement ของผู้อ่าน เนื้อหาควรใช้สำนวนภาษาที่อ่านง่าย ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ใช้ภาษาเขียน ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย หากเป็นบทความที่มีขนาดยาว ควรมีการแบ่งเป็นหัวข้อย่อย การใช้ H1, H2, H3 มีการแบ่งวรรค แบ่งย่อหน้า การใช้ลำดับเลข บุลเลทแยกข้อต่าง ๆ มีการเน้นอักษรเป็นตัวหนาในจุดที่สำคัญ เพื่อให้มีจุดพักสายตาสำหรับคนอ่าน เพราะในยุคสมัยนี้ผู้คนจำนวนมากนิยมอ่านจากสมาร์ทโฟน การเขียนบทความที่มีแต่เนื้อหายาวติดต่อกันโดยไม่มีช่องว่างหรือหัวข้อแยกไว้ อาจจะสร้างความไม่สบายตาแก่ผู้อ่าน จนทำให้ไม่สนใจบทความจนจบและออกจากเว็บไซต์ไปก่อน
เหตุผลที่เว็บไซต์จำเป็นต้องมีบทความดี ๆ เพื่อส่งเสริม SEO
บทความในเว็บไซต์ คือจุดขายที่จะเรียกให้มีผู้ชมเข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น หากเป็นบทความที่ดีมีประโยชน์ ผู้ใช้จะเกิดความเชื่อถือต่อแบรนด์และธุรกิจ และอาจบอกต่อแนะนำให้กับเพื่อนหรือสังคมออนไลน์ สุดท้ายบทความที่ดีและมีเงื่อนไขที่เข้ากับเกณฑ์ของ search engine ก็จะยิ่งมีอันดับที่ดีมากขึ้นในผลการค้นหา ส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม และยังมีส่วนช่วยสนับสนุนปัจจัยด้าน SEO ให้กับตัวเว็บไซต์ด้วย หากเป็นหน้าสินค้า ก็สามารถทำข้อมูลที่สอดคล้องตามคำแนะนำด้าน SEO ได้เช่นกัน เพิ่มโอกาสให้มีอันดับที่ดีขึ้น มีปริมาณผู้ชมมากขึ้น มีโอกาสเพิ่มยอดขายมากขึ้น
การมีบทความดี ๆ ในเว็บไซต์ และเพิ่มบทความอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลดีต่อเว็บไซต์ในระยะยาว ทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ และเพิ่มยอดขาย
หากไม่มีเวลาทำคอนเทนต์เอง อีกทั้งไม่มีนักเขียนประจำ ควรทำอย่างไร ?
แนะนำใช้บริการรับเขียนบทความจากผู้เชี่ยวชาญ โดย 1000CONTENT มุ่งเน้นให้บริการ รับเขียนบทความ SEO ช่วยให้เจ้าของธุรกิจประหยัดเวลาไม่ต้องเขียนบทความเอง โดยได้บทความที่มีประสิทธิภาพด้าน SEO และผู้อ่านก็ได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน โดยเรามีประสบการณ์และผลงานเขียนบทความที่ทำให้เจ้าของธุรกิจต่างวางใจใช้บริการ ได้บทความที่สามารถนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพ SEO ตามความต้องการ