จากโครงสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อกลุ่มผู้บริโภคหลักส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการค้นหาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ผ่าน Search engine ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ MSN ทำให้การให้บริการ รับเขียนบทความ SEO (Search Engine Optimization) มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นมาก เพราะทุกภาคธุรกิจต่างต้องการใช้บทความของหน้าเว็บไซต์ตัวเองช่วยดันลำดับในการค้นหาขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ กันทั้งนั้น อาชีพผู้ รับเขียนบทความ SEO จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจผ่านสื่อออนไลน์กันมากขึ้น สำหรับภาคธุรกิจที่กำลังพิจารณาเลือกใช้บริการ รับเขียนบทความ ราคา และคุณภาพโดนใจนั้น สามารถเริ่มจากตรวจสอบบทความในหน้าเว็บไซต์ตนว่ามีองค์ประกอบตามนี้บ้างหรือไม่ เพื่อจะได้คำตอบที่ว่าควรใช้บริการนักเขียนบทความออนไลน์หรือยัง
- กำหนดคีย์เวิร์ดในบทความไว้บ้างหรือยัง: การใส่คีย์เวิร์ดต่าง ๆ ลงในบทความ SEO ก็เหมือนการเติมตัวเอกลงไปในหนังภาพยนตร์ เมื่อกลุ่มเป้าหมายทำการค้นหาข้อมูลใด ๆ ก็ตามจาก Search Engine เขาก็จะคีย์คำค้นหาป้อนลงไป ดังนั้นผู้ให้บริการ รับเขียนบทความราคาถูก ใจ คุณภาพดี ๆ จึงมักจะใส่คีย์ลงไปในเนื้อหาเพื่อให้บทความ SEO นั้น ๆ สามารถปรากฎขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ได้ โดยทั่วไป คีย์เวิร์ดควรอยู่ในบทความออนไลน์ไม่น้อยกว่า 3 – 4 คำและจะต้องเรียงคีย์เวิร์ดให้สื่อสารเข้าใจได้ ไม่ใช่เป็นการจับวางคีย์เวิร์ดลงไปเท่านั้น แต่สื่อความหมายไม่ชัดเจนก็จะทำให้บทความขาดความน่าสนใจลงไป
- ความยาวและความถี่ในการเสนอบทความเป็นอย่างไร: เพื่อช่วยให้เว็บไซด์ของผู้ประกอบการอยู่ในอันดับการค้นหาต้น ๆ บน Google บทความ SEO ดังกล่าวควรมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ ไม่ให้เหมือนกับเว็บอื่น ๆ อย่างน้อย 1 บทความทุก ๆ 2 – 3 วันก็ยังดี ซึ่งผู้ประกอบการอาจจะดูว่าขณะนี้บทความในหน้าเว็บไซต์ของตนมีจำนวนมากกว่า 100 บทความหรือยัง ถ้าน้อยกว่า 100 บทความก็ควรจัดหาบทความมาเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การสืบค้นบน Search engine มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถกำหนดความยาวในบทความภาษาไทยซึ่งมักจะเริ่มต้นตั้งแต่ 300, 500, 1,000 จนถึง 1,500 คำ ส่วนการให้บริการ รับเขียนบทความภาษาอังกฤษ นั้น ควรให้มีความยาวระหว่าง 300 – 500 คำขึ้นไป
- บทความได้ผ่านการตรวจสอบเนื้อหา 100% Unique แล้วหรือยัง: เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าผลงานเขียนบทความออนไลน์ชิ้นนั้น ๆ ไม่ได้เป็นการคัดลอกมาจากเว็บไซต์อื่น ๆ ผู้เขียนบทความส่วนใหญ่จะทำการตรวจสอบเนื้อหาก่อนส่งมอบ โดยค่าของ Unique Content ควรเท่ากับ 100% เสมอ
ที่สำคัญ หากไม่จำเป็นผู้ประกอบการไม่ควรระบุลิงค์ใด ๆ ที่จะเชื่อมโยงออกไปสู่เนื้อหาในเว็บไซต์อื่น ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะจะส่งผลต่อค่า PR ในหน้าเว็บไซต์ที่กระจายไปยังเว็บไซต์อื่น แต่ในกรณีที่จำเป็นก็ควรใส่เครื่องหมาย nofollow link ลงไปกำกับด้วย